หลังจากที่ประเทศไทยได้ปลดล็อกการใช้กัญชากันไปในวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นข่าวและกระแสมากมายเกี่ยวกับกัญชา เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้นำไปใช้ทางการแพทย์ จึงมีผลกระทบจากการใช้กัญชาที่ไม่ถูกวิธีออกมาเห็นอยู่เรื่อย ๆ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าหากเกิดอาการ เมากัญชา ควรทำอย่างไรได้ดี
ทำความรู้จักกัญชา
กัญชา (cannabis) เป็นพืชล้มลุกที่มีการนำมาใช้ประโยชน์เป็นเวลานานมากกว่า 4,000 ปี จากบันทึกโบราณคดีพบว่า จีนเป็นประเทศแรกที่มีการใช้ประโยชน์จากกัญชา จนในปี พ.ศ. 2441 นักวิจัยสามารถสกัดสารสำคัญในกัญชาได้สำเร็จเป็นครั้งแรก นั่นก็คือสาร “cannabinol” ซึ่งเราสามารถสารเหล่านั้นจากส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ใบ ดอก เมล็ด และลำต้น เราจะเรียกสาระสำคัญที่พบในกัญชารวม ๆ ว่า “cannabinoids”
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้กัญชา
จากเดิมกัญชาจัดว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แต่ภายหลังการปลดล็อกกัญชาที่จะสามารถปลูกและใช้กันอย่างเสรี แม้ว่ากัญชาจะมีวรรพคุณทางยาตามทางการแพทย์แผนไทย แต่ความเสียหายของกัญชาก็มีมากเช่นกัน แน่นอนว่าการตอบสนองของร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับกัญชา แต่ละคนก็จะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป เช่น การเคลื่อนไหว การตอบสนองทางอารมณ์ ความไวต่อความปวด การเรียนรู้และการจดจำ
ในร่างกายจะมีระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ (Endocannabidoid System) มีหน้าที่ในการรักษาความสมดุลของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ โดยการควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยจะมีตัวรับสารแคนนาบินอยด์ที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
- CB1 : จะพบอยู่ในสมองและระบบประสาทส่วนกลาง เนื้อเยื่อ และอวัยวะบางส่วน เช่น ปอด ตับ ไต
- CB2 : ส่วนใหญ่พบได้ในเซลล์บางชนิดของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบทางเดินอาหาร และอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ม้ามและต่อมทอนซิล
อาการผิดปกติที่พบได้บ่อย
- ง่วงนอนมากกว่าปกติ
- ปากแห้ง คอแห้ง
- วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
- สับสนวิตกกังวล ตกใจง่าย
ภาวะพิษเฉียบพลัน
ภาวะพิษเฉียบพลันสามารถเกิดได้ในผู้ใช้กัญชาเป็นประจำแต่ใช้ในปริมาณที่มาก ซึ่งจะมีอาการต่าง ๆ ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง กล้ามเนื้ออ่อนแรง มือสั่น เฉื่อยชาง่วงซึม ความดันโลหิตต่ำจากการเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่มีสมาธิ พูดไม่ชัด สติสัมปชัญญะลดลง กระสับกระส่าย ชัก วิตกกังวล ใจสั่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก -เหงื่อแตก ตัวสั่น เป็นลมหมดสติ ก้าวร้าวและไตวายเฉียบพลัน นอกจากนี้มีรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
วิธีแก้อาการ เมากัญชา หรืออาการข้างเคียงเบื้องต้น
- ปากคอแห้ง : ให้ดื่มน้ำเปล่าตามในปริมาณที่มาก ๆ
- แก้เมา : สามารถใช้ได้ทั้งวิธีบีบน้ำมะนาวครึ่งลูกผสมเกลือในปริมาณเท่าปลายช้อน หรือใช้วิธีเคี้ยว
พริกไทยก็สามารถทำได้เช่นกัน
- วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน : ดื่มชาชงขิงหรือน้ำชิงก็ช่วยได้
- อาบน้ำอุ่นหรือทาเจลพริก : เนื่องจากพริกมีสารสำคัญ คือ capsaicin ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อน
เพื่อทำให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว และทำให้เกิดผลในการบรรเทาอาการคลื่นไส้
- หยุดใช้กัญชา : ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด และอาการสามารถดีขึ้นได้ภายใน 2-3 สัปดาห์
- หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์และไม่ควรปิดบังสาเหตุที่มาพบ
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หากใครคิดจะใช้กัญชา ก็ควรรู้จักที่จะสังเกตอาการของตัวเอง ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ เพื่อเลี่ยงอาการแพ้หรือเมาที่สามารถรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แม้ว่ากัญชาจะมีประโยชน์ทางยามากมาย แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากใช้ไม่ถูกต้องก็สามารถกลายเป็นโทษที่ส่งผลเสียต่อร่างกายของเราเช่นกัน
ติดตามข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่
Facebook : Big C
Line Official : Big C TH
บทความที่นาสนใจ : Big C Blog
บิ๊กซี ออนไลน์ : Big C Shopping Online