รีสตาร์ทวันหยุดสุดท้ายกับหนังสือ 12 Rules For Life (12 กฏในการใช้ชีวิต)

Big C > ไลฟ์สไตล์ฟอร์ยู > รีสตาร์ทวันหยุดสุดท้ายกับหนังสือ 12 Rules For Life (12 กฏในการใช้ชีวิต)

รีสตาร์ทวันหยุดสุดท้ายกับหนังสือ 12 Rules For Life (12 กฏในการใช้ชีวิต)

สวัสดีค่ะทุกคน วันหยุดยาวที่ผ่านมาหวังว่าจะใช้วันหยุดพักผ่อนกันอย่างเต็มที่นะคะ วันนี้เราก็เป็นวันว่างๆ วันสุดท้ายของการหยุดยาวเราเลยเลือกที่จะออกจากบ้านมานั่งคาเฟ่กลางเมือง หลีกความวุ่นวายมาอ่านหนังสือที่ดองไว้นาน หนังสือที่เราเลือกมากก็คือ 12 Rules For Life (12 กฏในการใช้ชีวิต) เป็นหนังสือที่เหมาะกับเราในช่วงนี้มากๆ เอาหยิบติดมือมานั่งอ่านเพลินๆ 

หนังสือเล่มนี้เขียนโดย จอร์แดน บี. ปีเตอร์สัน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกตะวันตก จากมหาวิทยาลัยโทรอนโตและฮาร์วาร์ด ได้ผสานศาสตร์และศิลป์อันล้ำลึก ของขนบธรรมเนียมแต่โบราณของมนุษยชาติ กับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์อันน่าทึ่งของโลกยุคใหม่ นำเสนอกฎทรงพลัง 12 ประการ ที่จะยกระดับชีวิตของทุกคนให้พ้นจากวังวนของปัญหา และความสับสนวุ่นวาย ส่วนตัวเราเชื่อว่าทุกวันนี้แต่ละคนก็เจอความวุ่นวายที่ต่างกันและปัญหาต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา บางสิ่งบางอย่างมันก็ยากที่จะรับมือ บางทีการอ่านหนังสือดีๆ เล่มหนึ่งก็ช่วยให้เราสงบและหาทางออกให้ชีวิตได้นะคะ

โดยในหนังสือ 12 Rules For Life (12 กฏในการใช้ชีวิต) เล่าที่กฎการใช้ชีวิตประจำวันที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เราเลยอยากแนะนำให้เพื่อนได้ลองอ่านแล้วนำไปปรับใช้ในชีวิตประวัน

Rule 1 : Up Straight With Your Shoulders Back (ยืนตัวให้ตรง อกผายไหล่ผึ่ง)

ตามหลักจิตวิทยาการที่เรามีบุคลิคภาพดี จะทำให้เราเป็นที่ยอมรับในสังคมมากกว่าคนที่มีบุคลิกภาพแย่ ดังนั้นการมั่นใจในตัวเอง โดยการยืนตัวตรงอกผายไหล่ผึ่ง เป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดีที่สุดและเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณ เป็นที่ที่มีความมั่นใจในตัวเอง และดูโดดเด่นกว่าคนอื่น

Rule 2 : Treat Yourself Like Someone You Are Responsible for Helping (ปฏิบัติกับตัวเอง ให้เหมือนปฏิบัติกับคนที่คุณต้องรับผิดชอบ)

ปฏิบัติตนเหมือนคนที่คุณมีความรับผิดชอบในการช่วยเหลือ หรือในที่นี้ก็คือการมีสติอยู่ตลอดเวลานั่นเอง อย่างไรก็ตาม นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายมากนัก เพราะปัจจุบันเราต้องพบเจอในชีวิตประจำวันที่อาจจะแย่งสติของเราไม่ให้มุ่งเน้นกับเรื่องที่สมควรจะใช้สติอย่างมากอยู่ เช่น เรื่องการสูญเสียสิ่งที่รักต่าง ๆ การก้มหน้ามัวแต่เล่นสมาร์ทโฟน ฯลฯ

การมีสติอยู่กับตัวนั้นจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญได้ดีกว่า หลายครั้งที่เรามักจะนำเอาอารมณ์ไปใช้ในการแก้ปัญหาซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ผิด โดยเราจะเห็นตัวอย่างต่าง ๆ จากสังคมไทยเราในปัจจุบัน สติจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างเป็นระบบมีขั้นตอนที่ชัดเจนซึ่งสามารถตรวจสอบได้

Rule 3: Make Friends with People Who Want the Best For You ( เป็นเพื่อนกับคนที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ)

การเลือกคบเพื่อน เพราะเพื่อนที่ดีจะนำพาคุณที่สู่ทางที่ดี ดังนั้นคุณควรที่จะเลือกคบกับเพื่อนที่มุ่งหวังให้เราเป็นคนดีได้แบบสุด ๆ หลายคนอาจจะเลิกคบเพื่อนที่คอยติเราอยู่เสมอ แต่การติเพื่อก่อเมื่อเรานำมาคิดให้ถี่ถ้วนแล้วนั้น จะเข้าใจว่าเพื่อนคนนั้นเป็นเพื่อนที่ดี ซึ่งจะนำพาให้เราเป็นคนที่ดีและก้าวหน้าในชีวิตได้อีกด้วย

Rule 4: Compare Yourself to Who You Were Yesterday, Not Who Someone Else is Today (เปรียบเทียบตัวเองกับตัวเองในเมื่อวานไม่ใช่เปรียบเทียบกับคนอื่นในวันนี้)

คือการสำรวจตัวเองในอดีตที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ดีขึ้นในวันนี้ ถือเป็นสิ่งจำเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ นอกจากนั้น ยังเป็นการสร้างความท้าทายให้กับชีวิตคุณอยู่เสมอในการที่จะบังคับตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่ถอยหลังกลับ

Rule 5: Do Not Let Your Children Do Anything that Makes You Dislike Them (อย่าปล่อยให้ลูกของคุณทำอะไรที่คุณไม่ชอบ)

กฎข้อนี้เหมาะสำหรับคนที่มีลูกแล้ว แต่สำหรับคนทียังไม่มีลูกก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมได้ค่ะ กฎข้อนี้เล่าถึง การที่เราไม่ให้ลูกหลานของเราทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ รวมถึงทำสิ่งที่ซ้ำกับที่เราเคยทำพลาดมาในอดีต แต่คนที่ยังไม่มีลูกหลานก็ทำได้เช่นกัน ด้วยการนำกฎข้อที่ 4 มาใช้ร่วมด้วย เพื่อที่ว่าเมื่อเรารู้ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบคืออะไร หรือทำไปแล้วไม่ก่อให้เกิดผลดีในชีวิต คุณจะสามารถนำมันมาวิเคราะห์ เพื่อที่วันต่อ ๆ ไปจะได้ไม่ทำซ้ำกับข้อผิดพลาดเดิม มนุษย์เรานั้นไม่ได้เกิดมาเป็นอมตะ แน่นอนว่าทุกคนย่อมเคยกระทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตมาก่อน การละทิ้งข้อผิดพลาดนั้นไปแล้วกลับมาปรับปรุงตัวใหม่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น อย่าจมอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันหวนกลับ เพราะเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ 

Rule 6: Set Your House in Perfect Order Before You Criticize the World (ทำบ้านตัวเองให้เรียบร้อยที่สุด ก่อนที่จะหันหน้าไปวิจารณ์ทั้งโลก)

ส่วนตัวเราชอบกฎข้อ 6 นี้มากเลยค่ะ นั้นหมายความง่ายๆ ว่า จงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อนที่จะมีหน้าไปวิจารณ์คนอื่น อย่างที่เราได้เห็นกันต่างโซเชียลกับข่าวต่างๆ การวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นกันอย่างสนุกปากก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อชีวิตเรา ดังนั้นเราควรทำชีวิตเราให้ดีสักก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าพอชีวิตเราดีแล้วจะสามารถไปวิจารณ์คนอื่นได้นะคะ เพียงแต่กฎข่อนี้มีไว้เพื่อให้คุณและครอบครัวมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ พร้อมก้าวทันโลกนั้นเองค่ะ

Rule 7: Pursue What is Meaningful (Not What is Expedient) (แสวงหาสิ่งที่มีความหมาย ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายดาย หรือ สะดวก)

การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้น บางครั้งคุณต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่าสิ่งที่คุณทำไปนั้นมีประโยชน์หรือไม่ จากนั้นแทนที่ด้วยการคิดวิเคราะห์ว่าสิ่งที่คุณทำไปนั้นมีประโยชน์อะไรบ้างมากกว่า

Rule 8: Tell the Truth, or at least Don’t Lie (พูดความจริง อย่างน้อยก็อย่าโกหก)

กฎข้อนี้เล่าถึงการดำรงชีวิตให้ประสบความสำเร็จนั้นก็คือการพูดความจริง หรืออย่างน้อยต้องไม่โกหก การพูดความจริงนอกจากจะทำให้บุคคลรอบข้างมองเราเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือแล้ว ยังไม่เป็นการย้อนมาทำร้ายคุณทีหลังอีกด้วย

Rule 9: Assume that the Person You Are Listening to Might Know Something You Don’t (ให้คิดไว้ก่อนเสมอว่า คนที่คุณคุยด้วย อาจจะรู้อะไรที่คุณไม่รู้ก็ได้)

คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพราะแต่ละคนก็มีความรู้ความสามารถแตกต่างกันไป การทำงานและการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จนั้น เราจำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เพื่อที่จะนำมาปรับใช้งานกับตัวเอง หรือเป็นการเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อที่ว่าตัวคุณเองจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้

Rule 10: Be Precise in Your Speech (แม่นยำกับคำพูดของตัวคุณเอง )

สิ่งหนึ่งที่ควรระลึกไว้เสมอนั้นคือคำพูด เมื่อเราได้พูดอะไรออกไปแล้วคำคำนั้นย่อมมีผลกระทบต่อตัวเราเองไม่มากก็น้อย ดังนั้นคำพูดของคุณจึงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่กำหนดตัวตนของคุณ คุณจึงควรให้ความสำคัญกับคำพูดของคุณให้มากเข้าไว้

Rule 11: Do Not Bother Children when they are Skateboarding (อย่าไปกวนใจพวกเด็กๆ เวลาที่พวกเขาเล่นสเก็ตบอร์ด)

แม้ว่าการเล่นสเกตบอร์ดจะอันตรายกับลูกหลานของคุณก็ตาม แต่นั่นถือได้ว่าเป็นการฝึกฝนให้เด็ก ๆ ได้รู้จักกับการรับมือและกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ ที่เสี่ยงอันตราย เช่นเดียวกันกับตัวของคุณที่ไม่ควรปิดโอกาสตัวเองกับการไม่ทำอะไรสักอย่างใหม่ ๆ เพราะคิดว่ามันอันตรายเกินไป บางครั้งการเสี่ยงอันตรายบ้างก็เป็นการสร้างความท้าทายให้กับชีวิต และถ้าคุณสามารถทำมันได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าคุณก้าวหน้าไปอีกขั้น และพร้อมที่จะเสี่ยงรับอันตรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตคุณ

Rule 12: Pet a Cat When You Encounter One on the Street (ให้อาหารแมวถ้าคุณเจอมันข้างถนน )

มาถึงกฎข้อสุดท้ายกันแล้ว กับกฎที่บอกเอาไว้ว่าให้คุณให้อาหารแมวเมื่อคุณพบมันอยู่บนถนน ซึ่งความหมายของมันก็คือคุณควรช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา เพื่อที่ว่าในอนาคตเมื่อคุณเป็นผู้ที่ประสบปัญหาบ้าง จะได้มีคนอื่นก้าวเข้ามาช่วยให้คุณผ่านปัญหานั้น ๆ ไปได้

หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะถูกใจใครหลายๆ คนนะคะ เนื้อหาก็ไม่ได้เครียดอย่างที่คิด อ่านสบายๆ เพลินๆ สามารถพกไปอ่านที่ไหนก็ได้ สุดท้ายขอให้ทุกคนมีความสุขในวันหยุดนี้นะคะ
 

***นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมที่คุณสามารถเลือกสรรค์กันได้เหมือนไปเดินอยู่ในห้างบิ๊กซีเพียงแค่  คลิก คุณช้อปได้ทันทีที่คุณต้องการทุกที่ทุกเวลา***

Share this content