จะว่าไปคนไทยก็บริโภคปลาแซลมอนเยอะไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยนะคะ แต่ส่วนใหญ่สายพันธุ์ที่นิยมทานกันจะเป็น Norwegian Salmon หรือแซลมอนนอร์เวย์เสียมากกว่า แต่ก็มีคนบางกลุ่มชอบแซลมอนอีกสายพันธุ์ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศออสเตรเลีย นั่นคือ Tasmanian Salmon (แทสมาเนียน แซลมอน) สำหรับใครที่ไม่เคยทาน คงจะเคยสงสัยกันใช่ไหมคะ ว่า Tasmanian Salmon ต่างจากแซลมอนสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างไร
ทำความรู้จักกับ Tasmanian Salmon (แทสมาเนียน แซลมอน)
Tasmanian Salmon เป็นแซลมอนจากรัฐแทสมาเนีย เกาะรูปหัวใจทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย จัดว่าเป็นแซลมอนแอตแลนติกที่เลี้ยงได้ทั้งที่แทสมาเนี่ย นอร์เวย์ ชิลี และแคนาดา แต่จะไม่พบในมหาสมุทรแอตแลนติกของออสเตรเลีย โดยทั่วไปจะเลี้ยงในกระชังบริเวณมหาสมุทร The Great Southern ทางตอนใต้ของชายฝั่งแทสมาเนีย โดย Tasmanian Salmon ถูกจัดว่าเป็น 1 ใน 14 อาหารซุปเปอร์ฟู้ด เนื่องจากมีสารอาหารในการปกป้องสุขภาพ มีกรดไขมันโอเมกา 3 จำนวนมาก มีไขมันอิ่มตัวและแคลอรีที่ต่ำแต่ก็ให้โปรตีนที่สูง นอกจากนี้ ใน Tasmanian Salmon ยังมีวิตามินหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน D, B6, B12 ที่จำเป็นในการผลิตพลังงาน ควบคุมการอักเสบและปกป้องสุขภาพของหัวใจ อีกทั้งเป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ดีอีกด้วย
อุตสาหกรรมการเลี้ยง Tasmanian Salmon เริ่มมีการพัฒนาในปี 1980 กลายมาเป็นเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐแทสมาเนีย
อะไรที่ทำให้ Tasmanian Salmon ต่างจากแซลมอนสายพันธุ์อื่น ๆ
แม้ว่าแซลมอนมองเผิน ๆ จะดูคล้าย ๆ กันไปหมด มีเฉดโทนสีชมพูถึงแดงและมีไขมันสีขาว โดยสีของ Tasmanian Salmon จะมีสีส้มเข้มไปถึงแดง เนื่องจากมีปริมาณไขมันแทรกที่ไม่เยอะเกินไป ซึ่งแตกต่างจากแซลมอนนอร์เวย์ที่จะค่อนไปทางสีส้มกลาง ๆ ถึงสีส้มเข้ม อีกทั้งเนื้อสัมผัสของ Tasmanian Salmon ยังมีความแน่น และเด้งกว่ามาก เนื้อปลามีรสชาติหวานอ่อน ๆ ยิ่งได้ทานพร้อมกับวาซาบิและโชยุด้วยแล้ว รสชาติสุดฟินที่สายแซลมอนต้องไม่ควรพลาด โดยมีราคาใกล้เคียงกับแซลมอนนอร์เวย์ ดังนั้นหากใครที่ไม่ชอบทานอะไรเลี่ยน ๆ Tasmanian Salmon นี่ล่ะค่ะ ที่ตอบโจทย์ที่สุด
มาตรฐานการเลี้ยง Tasmanian Salmon
ในออสเตรเลีย Tasmanian Salmon ที่เลี้ยงในฟาร์มจัดว่าเป็นอาหารที่ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ ดีต่อสุขภาพและมีความยั่งยืน โดยเลี้ยงในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ มีระบบนิเวศที่ดีและสมบูรณ์ ซึ่งทุกฟาร์มที่เลี้ยงจะต้องชี้แจงเกี่ยวกับอาหารที่ใช้เลี้ยงแซลมอนภายใต้การควบคุมของ Australian Pesticides and Veterinary Medicines Authority (APVMA) ซึ่งจะต้องมีการติดตามแซลมอนตั้งแต่วางไข่ไปจนถึงเติบโตเป็นแซลมอนที่สมบูรณ์ ซึ่งส่วนมากแล้วหากมีออเดอร์เข้ามา ทางฟาร์มจะจับแซลมอนในช่วงกลางคืน เพื่อเสิร์ฟความสดถึงมือลูกค้าให้ได้มากที่สุดภายใน 48 ชั่วโมง
เคล็ดลับในการเลือก Tasmanian Salmon
- เนื้อปลาจะต้องมีสีส้มเข้ม ไม่เละ เนื้อดูฉ่ำ และแน่น
- หากกดลงไปแล้ว เนื้อปลาจะต้องเด้งกลับ ถ้าแซลมอนไม่สด เมื่อเอานิ้วจิ้มแล้ว เนื้อปลาจะต้องไม่แตกออกจากกัน
- การเลือกปลาแซลมอน ควรเลือกที่บรรจุในถุงสุญญากาศและผ่านการแช่แข็งมาที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 7 วัน หรือแช่แข็งมาที่อุณหภูมิ -35 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 12 ชั่วโมงขึ้นไป มีวันที่ผลิตและหมดอายุติดไว้ชัดเจน ไม่ควรทานปลาแซลมอนที่ไม่ได้ผ่านการแช่แข็งและบรรจุใน
ถุงสุญญากาศ เพราะจะทำให้เชื้อโรคเข้าไปได้ง่ายกว่าแบบแรก
Tasmanian Salmon ทานอย่างไรให้อร่อย
- ทำซาซิมิ : Tasmanian Salmon เป็นสายพันธุ์แซลมอนที่ไม่มีกลิ่นคาว จึงเหมาะนำมาทานดิบทั้ง
ซาซิมิและซูชิ - นำไปย่าง : ในอาหารญี่ปุ่นโดยมากมักเสิร์ฟพร้อมซุปมิโซะและข้าวต้ม
- ไข่แซลมอน : ในญี่ปุ่นนิยมจะไม่นำไข่แซลมอนไปอบด้วยความร้อน แต่จะนำไปหมักกับ
ซอสถั่วเหลืองหรือเกลือแทน นอกจากนี้ ยังนิยมนำไปท็อปปิ้งบนหน้าซูชิอีกเวย
สรุปแล้ว Tasmanian Salmon (แทสมาเนียน แซลมอน) ต่างจากสายพันธุ์อื่น ๆ ตรงที่มีเนื้อสัมผัสที่แน่น นุ่ม ไม่กระด้าง ไม่มีกลิ่นคาว แต่จะมีกลิ่นหอมหวาน มีไขมันแทรกน้อยกว่าแซลมอนนอร์เวย์ จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับคนรักษาสุขภาพที่จะทานไปแล้วไม่รู้สึกผิดมาก เพราะมีไขมันต่ำนั่นเอง
ช้อปแซลมอน สดจริงสะอาดจริงได้ที่บิ๊กซี รับประกันคุณภาพดี ส่งตรงถึงบ้าน สะดวกสุด ต้องบิ๊กซี ออนไลน์
Facebook : Big C
Line Official : Big C TH
บทความที่นาสนใจ : Big C Blog
บิ๊กซี ออนไลน์ : Big C Shopping Online
Big C Call Chat Shop โทรสั่ง ไลน์สั่ง : ค้นหาสาขาใกล้บ้าน